5.  Osteoplastic thumb reconstruction

วิธีนี้เป็นการต่อความยาวของนิ้วหัวแม่มือด้วย bone graft แล้วคลุมกระดูกด้วย tubed pedicle flap วิธีนี้เป็นที่นิยมมาก ตั้งแต่ปี ค.ศ.1897, Nicoladoni นำมาใช้เป็นคนแรก อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะมีปัญหา bone graft resorption และปลายนิ้วไม่มีความรู้สึก จนกระทั่งในปี ค.ศ.1955, Moberg และ Littler (1956) ได้นำ neurovascular island flap มาใช้ปิดปลายนิ้วหัวแม่มือที่สร้างใหม่ จึงทำให้วิธีนี้ให้ผลการรักษาที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามข้อเสียของวิธีนี้ คือต้องผ่าตัดหลายครั้ง จนในที่สุดได้ดัดแปลงจนเหลือการผ่าตัดเพียง 2 ขั้นตอนเท่านั้น คือขณะที่แยก flap ออกจาก pedicle ก็ทำ neurovascular island flap ปิดปลายนิ้วทันที

Bone graft resorption ก็ยังคงเป็นปัญหาโดยเฉพาะการใช้ conventional bone graft แต่ถ้าเอาจาก iliac crest เป็น extraperiosteal tricortical graft ชิ้นใหญ่ก็สามารถลดอัตราของ bone resorption ลงได้ มีหลายท่านได้ทำเป็น composite osteocutaneous flap เพื่อแก้ปัญหานี้

ผมเองมีความเห็นว่า วิธีนี้เหมาะสำหรับรายที่เป็น degloving injury ของนิ้วหัวแม่มือแล้วรีบทำ immediate groin flap ปิดไว้ อีก 3 สัปดาห์ทำการ detach flap พร้อมกับทำ neurovascular island flap ปิดปลายนิ้ว
 

ตัวอย่างผู้ป่วย (รูปที่ 43-46)
pic 43
pic 44
pic 45
pic 46
 
Skin flap ที่ใช้นิยมกันมากคือ groin flap แต่ต้องทำเป็น 2 stages ในระยะหลัง Biemer (1983) ได้เสนอวิธีการผ่าตัดครั้งเดียว โดยใช้ composite osteocutaneous reverse pedicle radial forearm flap โดยเอากระดูก radius มาส่วนหนึ่งพร้อมกับ Chinese forearm flap มาสร้างนิ้วหัวแม่มือใหม่ วิธีนี้ผ่าตัดครั้งเดียว และสามารถแก้ปัญหา bone graft resorption ได้ เพราะเป็น vascularised bone อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Biemer จะต่อเส้นประสาทของ forearm flap เข้ากับ digital nerve ก็ตาม แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่ไม่ดีพอ ภายหลัง Foucher et al (1984) ได้ย้าย neurovascular island flap จากนิ้วนางไปเสริมความรู้สึกปลายนิ้ว และรายงานว่าให้ความรู้สึกที่ดีขึ้น
 
 
BACK
NEXT

| คำนำ | วิธีการแบ่งลักษณะของนิ้วหัวแม่มือที่ขาด | จุดประสงค์ของการผ่าตัดแก้ไข |
| วิธีการผ่าตัด | เทคนิคการผ่าตัด | การเลือกวิธีผ่าตัด | เอกสารอ้างอิง |
| HOME | MD.CU.CAI. | HAND CHULA |