๑๐   ธันวาคม   ๒๕๕๐

 

เพื่อนๆที่รัก....

                สนุกสนาน  สะใจ กันถ้วนหน้าครับ สำหรับการชุมนุมรุ่นฯ ครั้งที่ 36 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา  ณ ผึ้งหวาน รีสอร์ทฯ แควน้อย  นับเป็นการชุมนุมรุ่นที่ต่อเนื่อง ยาวนานติดต่อกันมา(หลังจบจากบ้านของเราเมื่อปี 2516) โดยไม่มีการเว้นวรรคเลย

                พวกเรา(พร้อมด้วยครอบครัว) เกือบร้อยชีวิต ได้มีโอกาสไปร่วมสนุกกัน ในจำนวนนี้มีท่านสุภาพสตรีที่เป็นศรีสง่าของรุ่นไปร่วมงาน 12 ท่าน จากจำนวนทั้งหมด 44 ท่าน(รวมสมจิต  วีรวัฒน์ด้วย) หวังว่าปีหน้าตัวเลขน่าจะขยับขึ้นเป็น 22 ท่าน(50% พอดี)

                เพื่อนเราที่ไปกับรถทัวร์มี 40 ท่าน เป็นผู้ใหญ่ 39 และเด็ก 1(ลูกหม่อง)  แต่ละคนก็ทยอยมาด้วยรถส่วนตัวบ้าง มา Taxi บ้าง มีคนมาส่งบ้าง รวบรวมพลได้ทั้งหมดใกล้เวลานัดหมาย(07.45 น.)พอดี  ที่มาไกลสุดคือ “สายสุนีย์” จาก “เชียงฮาย” รองลงมาคือ“สมเดช”(หมี) และ“ศรีภริยา” จาก“ขอนแก่น” และ “วรชาติ” พร้อม “ศรีภริยา” (เช่นกัน) จาก “ระยอง” มี “หม่อง”(สุรศักดิ์) เป็น “MC” ที่สนุกสนาน จนหลายคนสงสัยว่า “ทำไมมันพูดเก่งขึ้นมามาก(วะ)

                เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว  การจราจรคับคั่งมากๆ ท่าน “สว.สุรพงษ์” (ประธานฯจัดงาน) กมิลและน้องๆทีมงานจาก “ร.พ.เมืองราช” โทรฯมาถามด้วยความเป็นห่วงแทบทุกระยะ(จนสายหวิดไหม้!) และเพราะความ late ประกอบกับ “ปฐมภพ” ต้องการแก้เคล็ด เราเลยงดการเที่ยวชม “สุสานพันธมิตรฯ” (เพราะไม่ต้องการเข้าสุสาน) แต่ไปสมทบกันที่ “ปราสาทเมืองสิงห์” แทน

                เราไปถึง “ปราสาทเมืองสิงห์” ในเวลาประมาณ 11.20 น. โดยมีเพื่อนๆและทีมงานไปรอรับ อาทิ “พี่สายัณห์-สุวพีร์”  เชย-นิสิตา และสิทธิพร(ห่อ)  เป็นต้น สุรพงษ์กรุณาประสานให้ท่านหัวหน้าฯมา brief ให้ฟังอย่างน่าสนใจ แล้วเดินชมในตัวพิพิธภัณฑ์และตัวปราสาทฯอันสวยงามมาก  จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารแสนอร่อยที่ทีมงานจัดไว้อย่างเหลือเฟือ โดย “สุวพีร์” เอาขนมสอดไส้เจ้าอร่อยของเมืองกาญฯมาให้ลองชิม แล้วเดินทางต่อไปยัง “น้ำตกไทรโยคน้อย” ที่ยังสวยงาม(เหมือนเดิม) แต่คุณสุภาพสตรีทั้งหลายกลับชื่นชมกับการชอปปิ้งอย่างเมามันได้กันมาคนละหลายถุง จากนั้นจึงขึ้นรถเข้าที่พัก ณ ผึ้งหวาน รีสอร์ท ในเวลาประมาณ 16 นาฬิกาเศษ

                ต้องยอมรับว่าพื้นที่เขากว้างขวางและรื่นรมย์ไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่สวยงามมากๆ ที่พักเราอยู่ริมแม่น้ำแควน้อยอันสวยงาม   เย็นๆนั่งมองแม่น้ำมีสายลมโชยมาอ่อนๆน่าชื่นใจจริงๆ

                จวบจนแดดร่มลมตก เราก็เริ่มสังสรรค์ในบรรยากาศท่ามกลางขุนเขาและลำน้ำแควน้อยอันสุดสวย อากาศดีมากๆ ไม่ร้อนและไม่หนาวแต่เย็นกำลังสบาย อาหารอร่อย ดนตรีเพราะ สลับกับการเล่นเกมส์ ซึ่ง

กมิลและทีมงานจัดได้อย่างสนุกสนาน ทำให้พวกเรามีส่วนร่วมกันทุกคนอย่างตื่นเต้น เช่น เกมส์ทายภาพ โดยให้เปิดทีละจุด ผู้จัดได้เอาหน้าของพวกเรา แล้วไปทำ graphic computer ตบแต่งท่อนล่างอย่างน่าตื่นเต้น และหวาดเสียว(โดยเฉพาะภาพของ “ซุป”) แต่ที่สะใจพวกเราสุดๆคือ ภาพสุดท้ายที่ลูกน้องของ “กมิล” เอารูปของ “กมิล”(แก้ผ้า) มาแจมด้วย(โดย “กมิล”มันไม่รู้) มีหวังพวกแกโดนตัดโบนัสแหงๆ!!

                เกมส์ “สนด้ายเข้า(รู)เข็ม” ปรากฏว่า “ชูชัย” ตายังดีกว่าใครๆ เป็นผู้คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง มีการร้องเพลงของพวกเราด้วยความสนุกสนาน ตอนแรกๆก็อิดออดกันมาก แต่ตอนดึกๆแทบจะจองเวทีกันเลยทีเดียว โดย “พี่สินธ์ชัย” และ “พี่จู้” ยังเป็นนักร้องขวัญใจของพวกเรา ตอนพี่จู้ร้องเพลงฝรั่ง มีฝรั่ง(ตัวจริง)มายืนฟังอย่างสนใจเป็นเวลานาน....แล้วเดินจากไป(คงฟังไม่รู้เรื่อง?)

                ในช่วงหลัง เวทีถูกครอบครองโดย “อ้วน”(เทอดศักดิ์) , “จิ๊บ”(นันทศักดิ์) , และ“พรศรี” ร้องเพลงฝรั่งยุค sixty อย่างไพเราะ  อย่างไรก็ตาม พอ“จิ๊บ”ร้องเพลงทีไร  ทำให้ “สุรพงษ์” รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาตาม

ลำดับ  พลางรำพึงว่า..... “ถึงอย่างไรกูก็ไม่ใช่คนที่โหล่แน่นอน และเพลงที่ลูกน้อง “สุรพงษ์”แต่งให้ ซึ่งผมขอเรียกว่าเพลง “บิ๊กสุฯ” เป็นการสะท้อนถึงบารมีอันแก่กล้าและมั่นคงตลอดการทำงานอันยาวนานจริงๆ

                งานนี้หมด “ชีวาส” ไปหลายขวดที่สุรพงษ์และทีมงานเตรียมไว้ พร้อมไวน์รสดีที่ “เชย” ขนมาฝากเพื่อนๆ(เช่นเดียวกับทุกครั้ง) อีก 1 โหลเต็มๆ โต๊ะสุดท้ายกว่าจะเลิกราปาเข้าไปตีหนึ่งเศษ

                รุ่งเช้า ทุกคนได้ประทับใจกับความงามตามธรรมชาติของรีสอร์ทบนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ เราเดินเลียบลำน้ำแควน้อยอันแสนจะงดงามไปรับประทานอาหารเช้าที่มีความหลากหลายและอร่อย  แล้วเดินทางต่อไป “พิพิธภัณฑ์ Hell Fire Pass Musium” ที่ออสเตรเลียได้สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารเชลยศึกพันธมิตร ที่ต้องสังเวยชีวิตกับการสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ” (สายประวัติศาสตร์โลก) กว่า 20,000 ชีวิต แล้วเดินทางไปน้ำตกไทรโยคใหญ่ ที่เป็นความหลังอันหวานชื่น(ของใครบางคน)  เดินผ่านสะพานแขวนอันระทึกใจเพื่อไปถ่ายรูปน้ำตก(ที่ไม่ค่อยใหญ่สมชื่อ)ไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารกลางวันที่อร่อยมากและมีเยอะแยะจนทานกันไม่หมด และทุกคนก็ได้มีโอกาสลิ้มรส “ปลายี่สก” อันขึ้นชื่อในมื้อนี้  พออิ่มหนำสำราญดีแล้ว ก็ขึ้นรถไฟ “สายมรณะ”(ที่ผู้โดยสารไม่มรณะ) ตามเส้นทางประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2  ที่ญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกสงครามที่เป็นทหารพันธมิตรเพื่อสร้างทางรถไฟผ่านพม่าไปยังประเทศอินเดียอย่างเร่งด่วน ทำให้ทหารพันธมิตรได้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก(เปรียบไม้หมอนหนึ่ง เท่ากับชีวิตเชลยศึกหนึ่งคน!!)

ระหว่างทางผ่านทิวทัศน์อันงดงามหลายแหล่ง ช่วงผ่านเขาหรือลำน้ำ รถไฟจะชะลอให้ถ่ายภาพ แต่พวกเรา(ผู้ชาย)หลายคน มันไม่สนทิวทัศน์อื่นใด กลับหันไปสนใจโฆษณา(หนังสดๆ)....“นมจากเต้า”เห็นกันจะๆ แถมยังไปรวมกลุ่มกันร้องเพลงอย่างครึกครื้น จนคนในตู้รถไฟ(ที่มีทั้งคนไทยและต่างชาติหันมามองกันเป็นแถว)   พอลงจากรถไฟก็แยกย้ายกันกลับ โดยคนที่มากับรถทัวร์มีโอกาสไปแวะซื้อของอีก 1 แห่ง ตลอดทาง

 

 

ก็มีการสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน โดยมี “ชัยณรงค์”(จิ๋ม) มาสร้างความครื้นเครง (คุ้มกับที่กินเบียร์ไป

2 กระป๋องจริงๆ)

                ครับ! ทั้งหมดเป็นการยืนยันสโลแกนของการจัดงานในครั้งนี้ที่ว่า “มีทั้งความมันส์ และโคตร

จะประทับใจ(จริงๆ)”

                พวกเราทุกคนที่ไปร่วมงานในครั้งนี้ ต้องขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง(อีกครั้ง)กับการต้อนรับ

อันยิ่งใหญ่ เปี่ยมไปด้วยน้ำใจอันมหาศาลจนทำให้พวกเรามีความสุขสนุกสุดๆกันถ้วนหน้าในทุกๆแห่งที่

เราไปเที่ยวชมกับทีมเจ้าภาพที่เข้มแข็งอันประกอบด้วย :

·       ท่าน สว.สุรพงษ์ และทีมงาน

·       กมิลพร้อมศรีภริยา และทีมงานจาก ร.พ.เมืองราชอันเข้มแข็ง (เหมือนเดิม)

·       ชูชัยและศรีภริยา

·       ประวิทย์ (กร๊อง)

·       นันทศักดิ์ (จิ๊บ)

·       วรชาติและศรีภริยา

·       พูลพงศ์และศรีภริยา

พวกเราต้อง “กราบขอบพระคุณ” จริงๆครับ!! และ ท่านสุรพงษ์ ยังจัดของชำร่วย เป็น “เต่า” ทำจาก

“นิล” มาแจกพวกเราทุกคนด้วย  เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นศิริมงคลให้อายุมั่นขวัญยืน ไม่เจ็บไม่ไข้

ผมเลยแซวว่า โชคดีที่ไม่เอา “แรด” มาแจก คงเป็นเพราะพวกเราเจอบ่อยๆ(จนชินแล้ว)

                งานครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจากผู้อาวุโสที่มาร่วมงานด้วย 4 ท่าน อาวุโสสูงสุดคือ “คุณแม่ของกมิล”

(อายุ 90 ขวบ) รองลงมาเป็น “คุณแม่ยายของพรเทพ”(ที่มาร่วมงานแทบทุกปี) และ “คุณพ่อ/คุณแม่ของ

ธีรพล” และพวกเราจำนวนหนึ่งที่ยังสามารถ(หลอก)พาลูกๆมาร่วมงานได้สำเร็จ อาทิ สรรเพชญ พรเทพ

สุรศักดิ์  พรศรี  สมศักดิ์(โกร่ง) และกมิล

                ในคืนวันงาน ผมได้แจ้งข่าวคราวของเพื่อนฝูงในรอบปีที่ผ่านมา(เท่าที่ทราบ) มีดังนี้.-

1.              เพื่อนๆถึงแก่กรรม

                        พี่ไมตรี  ถึงแก่กรรมด้วย C.A.pancrease  เมื่อ 10 ม.ค. 2550

                        อิทธิพร  นาคสุข  ซึ่งเข้าจุฬาฯรุ่นเรา(ปี 2510)  แต่จบพร้อมรุ่น 24  ถึงแก่กรรมเนื่องจาก

Acute Myocardial Infarction ได้มอบร่างกายให้คณะแพทย์ฯของเรา

                ดังนั้น ขณะนี้มีเพื่อนเราที่ถึงแก่กรรม(ก่อนวัยอันควร)ไปแล้ว 21 ราย  โดยมี Cause of Death ดังนี้.-

·       Car Accident  6 ราย (ไพบูลย์, พิชัย, วิเชียร, พี่สุวัฒน์, เอก และพี่ประภาส)

·       Cancer  5 ราย (พี่บุญเศวต, พี่วีรชัย, สมชัย, บุญชัย, พี่ไมตรี)  ตอนผมไปเที่ยวดอยสุเทพ ได้เห็นอัถฐิของตึ๋ง(สมชัย) บรรจุไว้ที่นั่นด้วย

·       Acute M.I.  3 ราย (นันทชัย, สมจิต และอิทธิพร)

·       Suicide  2 ราย (พี่กำจัดโสณฑ์ และวิเชียร)

·       ไหลตาย?  2 ราย (ชาญชัย และวิโรจน์ คลอฯ)

·       ถูกฆาตกรรม  1 ราย (วิวัฒน์  จิตต์จนะ)

·       DM with complication  1 ราย (พี่สมรัก)

·       Stroke  1 ราย (นคร)

 

2.              เพื่อนๆที่ยังป่วย

                        สรรเพชญ  ตอนนี้หายดีแล้ว แข็งแรงดีมากจนมาเที่ยวกับพวกเราอย่างสนุกสนานใน

คราวนี้ได้ และยังเป็นตากล้องให้เหมือนเดิม ก็ขอให้โรคร้ายหายไปกับปีเก่านะครับ!

                        อภิชาติ  เป็น stroke แต่ดีวันดีคืน พูดได้ค่อนข้างคล่อง เดินเหินได้ดี เห็นภรรยาเล่าให้ผม

ฟังว่า “ตอนนี้ฟิตเหลือเกิน ว่างเมื่อไรเป็นออกกำลังเมื่อนั้น!!”

                        สุนัย  ดีมาโดยตลอด แต่โชคไม่ดีเกิดล้มอีก 1 ครั้งทำให้ต้องไปนับตั้งต้นที่ศูนย์อีกครั้ง

3.             งานชุมนุมรุ่นครั้งที่ 35 ที่เมืองทองธานี มีพวกเราไปร่วมงาน 69 ท่าน

4.             ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนๆที่สูญเสียคุณพ่อหรือคุณแม่

                        แป๊ว(สุดารัตน์) – สูญเสียคุณพ่อ

                        สุจิตรา              – สูญเสียคุณแม่

                        ตุ๊(พีรพันธ์)       – สูญเสียคุณพ่อ(หวิน) ที่เราขโมยชื่อของท่านมาเรียกขานเป็นชื่อเล่น

 ของเพื่อนเสียหลายปี

                        เทียม                 – สูญเสียคุณพ่อ(อายุ 99 ปี)

                        วัฒน์                 – สูญเสียคุณแม่

ทุกราย เราได้ส่งหรีดไปเคารพศพ และร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย ผมคิดว่ามีเพื่อนเราบางคนเกรงใจไม่กล้า

บอกมา ขอเรียนว่า อย่าเกรงใจเลยครับ เพราะมันเป็นความรัก ความห่วงใย และความผูกพันที่เพื่อนจะพึงแสดงต่อกัน ถ้าใครว่าง ใครสะดวก ใครอยู่ใกล้ เราก็ช่วยให้เป็นตัวแทนของรุ่นไปร่วมงาน ซึ่งเราเข้าใจกันดีครับในข้อจำกัดต่างๆ (อย่าถือว่าเป็นภาระเลยนะครับ)

5.              ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ

                        กุลวี  ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ (ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ)

                        อภิชาต  ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น “เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ”

                        สุดารัตน์  ได้เป็นแพทย์ดีเด่นของ ร.พ.จุฬาฯ (ประเภทผู้บริหาร)

                        เกรียง  ได้เป็นแพทย์ดีเด่นของสภาคณาจารย์แห่งประเทศไทย

                        เจษฎา  ได้เป็นหัวหน้าภาคฯศัลยศาสตร์

                        สายสุนีย์(ว่าที่) ผู้อำนวยการ ร.พ.(โปรดติดตาม)

6.             เพื่อนๆที่เกษียณในปีนี้  มี 8 ท่าน คือ อ้วน(ชูชัย) , บวร(ลิ้ม) , พรเทพ, พี่มานิตย์ , พี่วิชิต ,

สมบูรณ์ศักดิ์(อุ่น) , สรรเพชญ  และพี่อุดมชัย

ความจริง “อุ่น” ต้องเกษียณปีหน้า แต่ดันไปแจ้งเกิดเร็วกว่ากำหนด เลย(จำใจ)ต้องเกษียณปีนี้

7.             เงินบริจาคของรุ่นเราที่สมทบสร้างหอพักแพทย์ประจำบ้าน ถึงขณะนี้ 4,099,123 บาท ซึ่งมาก

ที่สุดในบรรดาศิษย์เก่าทุกๆรุ่น และคงยากที่ใครจะมาลบสถิตินี้ เพราะยังมีบริจาคเข้ามาอีกเรื่อยๆ ดังนี้.-

                        พี่นิธิ-ไพฑูรย์              บริจาครวม           60,000  บาท

                        ภิรมย์                             บริจาค(อีก)           32,000  บาท

8.             รายการบัญชีการเงินของรุ่นฯ  ซึ่ง “สมภพ”(เหรัญญิกผู้เข้มแข็ง) ได้สรุปมาให้เพื่อนๆทราบ

(ซึ่งผมได้แนบมาพร้อมจ.ม.ฉบับนี้) พบว่า ณ วันที่ 30 พ.ย. 2550

·       รายรับ            1,160,260.73  บาท

·       รายจ่าย                65,990.00  บาท

(ส่วนใหญ่เป็นค่าหรีด และค่าช่วยงานศพ และเงินสนับสนุนให้นิสิตแพทย์และสมาคมศิษย์เก่า)

·       ขณะนี้เรามีเงินเหลือ  1,094,270.73  บาท  (หนึ่งล้านเก้าหมื่นสี่พันสองร้อยเจ็ดสิบบาท

เจ็ดสิบสามสตางค์)

ต่อไปนี้ ขอเสนอ “เกร็ดข่าว”

·       “สุรพงษ์”  ทุ่มสุดตัวเพื่อความสุขของเพื่อนๆ โดยงดออกงาน(หาเสียง) ทั้ง 2 วัน เพื่อเพื่อนๆ

โดยเฉพาะ.......ขอขอบคุณ รวมทั้ง “กมิล”  ที่พาน้องๆทีมงานที่เข้มแข็งจาก ร.พ.เมืองราช มาสร้างความสนุกสนานและอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างน่าประทับใจ.... “พี่สนิท”สร้าง surprise มางานนี้ พร้อมมอบเงิน(ช่วยค่าหนังสือ) ให้กับรุ่น 2,000 บาท..... เช่นเดียวกับ “พี่นิธิ” พอเจอหน้าก็ควัก check เพื่อบริจาคสมทบสร้างหอ Resident  60,000 บาท ในนามของ “พี่นิธิ และไพฑูรย์” พร้อมกล่าวว่า “เงินของอั๊ว ก็เหมือนเงินของเมีย แต่เงินของเมียไม่เหมือนเงินของอั๊ว”.....เอ๊! พูดอะไรเหมือนๆกันไปหมด(หัวอกเดียวกันของผู้ชายทั้งรุ่นฯ)  ขอบันทึกรายนาม “สุภาพสตรีที่เป็นศรีสง่าของรุ่น” ที่มาร่วมงานทั้ง 12 ท่าน คือ

“ศุภวัลย์ , พี่ลัดดา , มยุรี , สุดารัตน์ , สุคนธ์ , สายสุนีย์ , เยาวลักษณ์ , สมจิตต์(เรืองฯ) , พี่สนิท , พรศรี ,

สุวพีร์ และนิสิตา” ภาพ “ใครเอ่ย” ที่กมิลเอามาทายของ 2 คู่ชู้ชื่นเป็นที่เฮฮามาก คือ “สมหมายและซุป”  

“สุคนธ์” ได้รับคำชมจากเพื่อนๆว่า “ยังรักษาหุ่นได้ดีมาก”(สมกับที่เกิดปี 2494) ส่วน “เยาวลักษณ์ ยังรักษาเอกลักษณ์ หมอ skin ที่ปิดทุกส่วนของใบหน้าจากแสง UV “สมจิตต์” ทำบัตรจอดรถหาย เลยเสียค่าปรับไป 200 บาท ! (ไม่กล้าอ้างว่าเป็นเพื่อนหมอภิรมย์) คุณพ่อของ“ธีรพล” ร้องเพลงของก๊อดได้ไพเราะจริงๆ (ไม่เหมือนลูกชายเลย)..... “ฉัตรชัย(ตี๋)” เคยต้องเลี้ยงลูกเองตอนศรีภริยาไปทำ Ph.D. แต่ตอนนี้หมดห่วงแล้ว.... “ธีรภัทร(ป๊อบ)”ช่วย เป็นเหรัญญิกแทนสมภพ อย่างเข้มแข็ง ร่วมกับ “ซุป” ตอนนี้ดึงเพื่อนๆไปทำงานที่ “บางปะกอก 3” อีก 2 คน  ทั้ง “เทิดศักดิ์ และธีรพล”…… “วิโรจน์(ยุ่น)” เล่าให้เพื่อนๆฟังถึงการ “ปลูกผม” (ทรงลายไทย) อย่างน่าตื่นเต้น ใครสนใจติดต่อได้.....  “ปฐมภพ” ไปไกลมากในเรื่องธรรมะ จนทำให้ “วิโรจน์” ซึ่งเป็น “คู่นอน”ในครั้งนี้ถึงกับ “ลืมไม่ลง”.... “ประยงค์และวรชาติ” นึกว่าจะพา “สุนัย”มาด้วย แต่ “สุนัย”ยังไม่แข็งแรงพอจะเดินทางไกล พลอยทำให้ “อภิชาติ” เลยขาดเพื่อน ...... สปิริตสูงจริงๆ... “ดาวิน”  “พี่ศิริชัย” และ “พี่สมบูรณ์”  วิชัย(แก๋ว) และสิทธิพร(ห่อ) ขับรถมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ... “เทียม” ตกลงรับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานชุมนุมรุ่นครั้งที่ 37ที่เขาใหญ่ คาดว่าจะเป็นวันศุกร์ที่ 5 และเสาร์ที่ 6 ธันวาคม เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว....ขอขอบคุณล่วงหน้า.... “สมศักดิ์”(โกร่ง)  ครองแชมป์ในการพาคนมาร่วมงานมากที่สุด(10 คน).... ศึก golf ครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แต่ก็จบด้วยดีเพราะต่างชนะคนละครั้ง ระหว่าง “ประวิทย์” และ “พูลพงศ์” ต้องรอไปวัดฝีมือกันอีกทีปีหน้านี้......เมื่อเกมส์จบทุกคนก็คือ “เพื่อน” สิ่งที่เพื่อนๆ “ให้เกียรติอย่างสูง” กับผมในคืนวันงาน เปรียบเสมือน “น้ำทิพย์”อันวิเศษ เป็นกำลังใจอันมหาศาล ที่ตอกย้ำความจริงที่ว่า การที่ผมมีวันนี้ได้ ก็เพราะมีเพื่อนอันประเสริฐคอยช่วย

อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด....ขอขอบคุณอย่างสูงครับ!!!

                ผมได้นำ VDO และหนังสือที่จัดทำเนื่องใน “วันคืนสู่เหย้า” (Home Coming Day) ทั้ง 2 ครั้ง คือเมื่อปีพ.ศ.2534 และปีพ.ศ.2545 (ห่างกัน 11 ปี) ที่เหลือจำนวนหนึ่งไปแจกเพื่อนๆ ปรากฏว่าหมดภายในพริบตา มีการเอารูปมาเปรียบเทียบกันถึงความแตกต่าง รวมทั้งสถานภาพต่างๆที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา(แล้ว

ก็ “ปลง”)

ผมจะจัดทำ “ทำเนียบแพทย์จุฬาฯ รุ่น 23” edition ล่าสุด(ปี2550) จึงขอให้พวกเราที่เปลี่ยนที่ทำงาน ย้ายบ้าน โปรดแจ้งมาให้ทราบด้วย โดยโทรฯบอกคุณ “สราวุฒิ” (โทรฯ 089-6809717 หรือภาควิชาฯ : 02-2527864) โดยด่วนนะครับ!

                ครับ! งานทั้งหมดก็ลุล่วงไปด้วยดี ทุกคนมีความสุขและสัญญากันว่า ปีหน้าจะต้องไปร่วมสังสรรค์กันอีก ในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2551 ที่เขาใหญ่

                ขอกราบขอบพระคุณ “สุรพงษ์ , กมิล และผองเพื่อนทุกๆคน รวมทั้งน้องๆทีมงานที่น่ารัก อีกครั้ง ที่ทำให้ “มีทั้งความมันส์ และความประทับใจ”

รัก          

 

 

           (ภิรมย์)

พบกัน......ปีหน้า (5-6 ธันวาฯ) ...........ที่เขาใหญ่   

กาปฏิทินล่วงหน้าเอาไว้เลยครับ!!