Gastrointestinal bleeding

แนวทางการแก้ปัญหาเลือดออกในระบบทางเดินอาหารในเด็กคล้ายกับในผู้ใหญ่ คือ ให้การรักษาเบื้องต้น ในรายที่เลือดออกเฉียบพลัน วินิจฉัยหาสาเหต ุและรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ แนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อให้ได้การวินิจฉัย ควรพิจารณาจาก

อายุของผู้ป่วย
ลักษณะของเลือดที่ถ่ายออกมา
อาการและอาการแสดงร่วมกับการถ่ายเป็นเลือด


อายุของเด็ก
มีประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานในการชี้บ่งโรคได้คร่าวๆ เพราะสาเหตุของเลือดออก มีความสัมพันธ์กับอายุ

สาเหตุที่พบบ่อยในกลุ่มทารกแรกคลอด ได้แก่

Anal fissure หรือแผลฉีกขาดปากทวารหนัก
ลำไส้อักเสบเน่าตาย (necrotizing enterocolitis)
เด็กกลืนเลือดแม่ระหว่างการคลอด
Midgut volvulus

สาเหตุในกลุ่มทารก 1 เดือน ถึง 2 ปี ได้แก่
ลำไส้กลืนกัน (intusseption)
เลือดออกจากเม็ดเคลส์ diverticulum
แผลฉีกขาดปากทวารหนัก

สาเหตุในเด็กอายุ 2 ถึง 8 ปี ได้แก่
เนื้องอกโพลิพบริเวณเรคตั้ม
segmental enteritis
ลำไส้ขาดเลือด

สาเหตุในเด็กอายุ 9-14 ปี ได้แก่
anal fissure
segmental enteritis
ลำไส้ขาดเลือด


สีของอุจจาระและลักษณะของเลือดที่ออก
ลักษณะของเลือดที่ออก มีความเกี่ยวข้องกับโรค โดยสามารถบ่งบอกปริมาณเลือดที่ออก พิจารณาสีของเลือดที่ออก ว่าเป็นสีแดงสด หรือแดงคล้ำ หรือเป็นมูกปนเลือด (mucous bloody stool) มีเศษเนื้อเยื่อปะปนมาด้วยหรือไม่ กลิ่นผิดปกติหรือไม่ ถ้าเลือดออกน้อย จะปนมากับอุจจาระ เลือดสีแดง แสดงว่าออกมาจากลำไส้ส่วนปลาย มูกปนเลือดกลิ่นเหม็นมาก บ่งว่ามี อาจมี การอักเสบของลำไส้ร่วมด้วย


อาการและอาการแสดงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกับถ่ายเป็นเลือด
เช่น
การมีลำไส้อุดตันร่วมด้วย พบได้ในโรคลำไส้กลืนกัน   ลำไส้บิดหมุน
มีอาการปวดท้องร่วมด้วย พบได้ในโรคที่มี ischemic bowel
ถ่ายเป็นเลือดร่วมกับมีลักษณะ peritonitis พบได้ในโรค NEC, ischemic bowel
ถ่ายเป็นเลือดร่วมกับพบก้อนในท้อง พบได้ในโรค midgut volvulus ลำไส้กลืนกัน เป็นต้น

การประเมินผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัย ยังต้องพิจารณาถึงพื้นฐานโรคเดิม หรือโรคประจำตัวของผู้ป่วย ทั้งโรคทางโลหิตวิทยา ซึ่งอาจมีผลทำให้เลือดออกง่าย หรือโรคอื่นๆ ที่อาจมีปัญหาสืบเนื่องให้มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร การประเมินผู้ป่วยยังต้องรวมไปถึง การประเมินปริมาณเลือดที่ออก และความรุนแรงของโรคด้วย โรคบางโรค เช่น โรค Peutz-Jeghers เป็นกลุ่มอาการของโรคที่มีเนื้องอก polyp ในลำไส้เล็ก ซึ่งทำให้มีเลือดออก อาจตรวจพบอาการแสดงที่มี discoloration ของริมฝีปาก ช่วยบ่งชี้โรคนี้ได้โดยง่าย
รายละเอียดพอสังเขปของโรคบางโรคที่พบบ่อย และ/หรือมีความสำคัญ
Necrotizing enterocolitis (NEC)

พบบ่อยในเด็ก 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นทารกแรกคลอดที่มีปัญหา เช่น มี asphyxia หรือ anoxia ระหว่างคลอด หรือหลังคลอดใหม่ๆ หรือมี stress จากภาวะติดเชื้อ หรือความพิการต่างๆ กลุ่มที่สอง เป็นเด็กอายุ 1-3 เดือน ที่ถ่ายเป็นเลือด หลังจากมีอาการท้องเสียรุนแรง อุจจาระในเด็กทั้ง 2 กลุ่ม มีลักษณะเหลว มีมูกปนเลือดสีคล้ำ กลิ่นเหม็น เลือดมักจะออกพร้อมๆ กับอาการท้องอืด ผู้ป่วยซึมลง และอาจมีไข้สูง ถ้าโรคดำเนินต่อไป ลำไส้อาจจะเน่าตาย และทะลุ ทำให้เด็กเสียชีวิตจากการติดเชื้อรุนแรง ภาวะ NEC ในทารกแรกคลอดนั้น ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า การขาดเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารในช่วงระยะหนึ่ง การเพิ่มเชื้อแบคทีเรีย และ endotoxin และการให้อาหารที่มีความเข้มข้นสูง เข้าไปในลำไส้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ

ภาพรังสีของช่องท้องในระยะแรก มักจะเห็นเฉพาะ ileus ของลำไส้ทั่วๆ ไป ในระยะต่อมา อาจสังเกตเห็น ลำไส้ที่ขยายตัว ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม (fixed dilated bowel loop) และต่อมาจะเห็น เงาอากาศแทรกในผนังลำไส้ (pneumatosis intestinalis)  ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของโรคนี้ ถ้าลำไส้ทะลุแล้ว จะพบลักษณะของ free air กระจายทั่วไปในช่องท้องด้วย

Treatment
ในขั้นแรก ควรรักษาแบบไม่ผ่าตัด โดยงดอาหารทางปาก ใส่ท่อ nasogastric เพื่อดูดให้ลำไส้แฟบลง ให้น้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะ ทางหลอดเลือดดำ ควรเฝ้าดูอาการเป็นระยะอย่างใกล้ชิด และถ่ายภาพรังสีช่องท้อง ซ้ำเป็นระยะ เพื่อประเมินพยาธิสภาพว่าดีขึ้น หรือเลวลง ข้อบ่งชี้สำหรับผ่าตัดมีดังนี้

1. ลำไส้แตกทะลุ
2. ผนังหน้าท้องบวมแดงหรือมีลักษณะอาการของ peritonitis
3. เมื่อให้การรักษาแบบประคับประคองแล้วไม่ดีขึ้น หรือเลวลงภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง เช่น เด็กท้องอืดมาก หรือความดันโลหิตต่ำ
หลักของศัลยกรรมคือ ตัดเอาลำไส้ส่วนที่เสียหรือเน่าออก แล้วเปิดปลายลำไส้ออกทางผนังหน้าท้อง (enterostomy) ก่อน ไม่ควรต่อลำไส้ในระยะนี้ เพราะมีโอกาสรั่วสูง เมื่อสภาพเด็กสมบูรณ์ขึ้น และสามารถเตรียมลำไส้ได้สะอาด จึงนัดมาผ่าตัดต่อลำไส้ในภายหลัง
Meckel's diverticulum
เป็นสาเหตุให้เกิดเลือดออกจากการมี ectopic gastric mucosa ใน diverticulum  ภาวะนี้พบบ่อยในเด็กอายุประมาณ 1 ปี เด็กมักจะถ่ายเป็นเลือดสด และออกมาก  จนทำให้ซีดหรือช้อค เลือดหยุดได้เอง แต่มักออกซ้ำอีก เด็กส่วนมากไม่มีอาการปวดท้อง การตรวจหน้าท้องมักจะไม่พบสิ่งผิดปกติ วิธีวิเคราะห์ที่มีประโยชน์ที่สุดคือ Technitium (99mTc) scan ซึ่งจะพบ uptake เพิ่มขึ้นตรง diverticulum ที่มี gastric mucosa  ถ้ายังวินิจฉัยไม่ได้แน่นอน และผู้ป่วยเลือดออกมาก ควรผ่าตัดเพื่อวินิจฉัย และรักษาพร้อมกันไป หลักทางศัลยกรรม เมื่อพบว่าเป็น Meckel's diverticulum ควรตัด diverticulum ออก โดยทำ wedge หรือ segmental resection ของลำไส้เล็กบริเวณนั้น
Polyps

Polyp เป็นสาเหตุของการถ่ายเป็นเลือดในเด็กอายุระหว่าง 2-8 ปี ส่วนมากมักพบในตำแหน่ง rectum  เด็กมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด ซึ่งมักจะไม่ปนกับอุจจาระ อาจเคลือบผิวอุจจาระออกมา

ในเด็กส่วนมากเป็นประเภท juvenile  หรือ retention polyp ซึ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยมาก พบว่า polyp ประเภทนี้ อาจหายเองจาก autoamputation แต่บางครั้งเกิดอาการขึ้นก่อน โดยมีเลือดออกจากการอักเสบ หรือเป็นแผลที่ผิวของ polyp เนื่องจากประมาณร้อยละ 75 ของ polyp อยู่ใน rectum การตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ  หรือ proctosigmoidoscope จึงช่วยวินิจฉัยโรคนี้ได้ดี ส่วน polyp ที่อยู่สูงกว่านี้ วินิจฉัยได้จาก double-contrast barium enema  หรือ colonoscopy

การรักษา คือ ตัด polyp ออก โดยผูก หรือใช้ไฟฟ้าจี้ที่ขั้ว ในรายที่ polyp อยู่ลึกที่ควรทำ endoscopic polypectomy

สำหรับ polyp ที่พบจำนวนมากอยู่ตลอดลำไส้ในเด็ก มักจะอยู่ในกลุ่ม familial polyposis coli  จัดเป็นโรคอีกกลุ่มหนึ่ง มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งสูง รักษาโดยการทำ total colectomy

Segmental enteritis

การอักเสบของลำไส้เล็กเป็นช่วงๆ พบได้บ่อยในเด็กไทย แต่พบน้อยมากในประเทศตะวันตก เด็กส่วนหนึ่งมักจะได้รับการวินิจฉัยผิดพลาด ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ผู้ป่วยส่วนมาก มีประวัติปวดท้อง ร่วมกับถ่ายอุจจาระเหลว โดยมีมูกและเลือดปน การตรวจร่างกาย อาจไม่พบตำแหน่งที่ปวดท้องแน่นอน ภาพรังสีช่องท้อง มักจะเห็นเป็นลักษณะ ileus และผนังลำไส้มีลักษณะบวมหนา

ควรรักษาโดยใช้วิธีไม่ผ่าตัดก่อน โดยงดอาหารและน้ำทางปาก และให้น้ำเกลือร่วมกับยาปฏิชีวนะ ทางหลอดเลือดดำ ควรผ่าตัด ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเลวลง หรือไม่แน่ใจในการวินิจฉัย เมื่อพบลำไส้อักเสบเป็น segmental enteritis ที่มีผนังลำไส้เน่าตาย หรือทะลุ แนะนำให้ตัดออกเป็นช่วงๆ

Anal fissure

แผลฉีกขาดที่ผิวหนังปากทวารหนัก เป็นสาเหตุของการถ่ายเป็นเลือด ที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก ถ้ารวมเด็กทุกกลุ่มอายุ สาเหตุส่วนมาก เกิดจากท้องผูก ซึ่งทำให้อุจจาระแข็ง และเป็นก้อนใหญ่ เมื่อขับถ่ายออกมาจะครูด และบาดผิวหนังปากทวารหนักให้ฉีกขาด มักพบบริเวณขอบปากทวารหนักด้านหลัง  หากเป็นเรื้อรังอยู่นาน อาจเกิดเป็นติ่งเนื้อนูนอยู่รอบรอยฉีกขาดได้ เด็กมักจะมีอาการเจ็บแสบที่ขอบทวารหนัก ร่วมกับเลือดออกขณะถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระ เลือดมักจะออกน้อยและสีแดงสด การวินิจฉัย อาศัยการตรวจดูบริเวณทวารหนักโดยรอบ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือส่องตรวจ เพราะเด็กจะเจ็บและกลัว รวมทั้งอาจทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น การรักษา ประกอบด้วยยาระบาย และอาจใช้ยาทาเฉพาะที่ร่วมด้วย ในบางรายอาจขยายรูทวารหนักเป็นระยะ ให้หูรูดคลายตัว ในระยะยาวควรป้องกันภาวะท้องผูก โดยฝึกให้ถ่ายอุจจาระเป็นเวลา และแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกาก และดื่มน้ำให้เพียงพอ


References
1. Raine PAM. Gastrointestinal bluding and persistent vomiting In : Raine PAM, Azmy AAF, eds. Surgical Emergencies in children: A Practical guide. Butterworth - Heinemann, Oxford, 1994 : 114 - 135
2.

Rome MI, Lower gastrointestinal tract bluding. In : Rowe MI, O'Neill JA Jr, Grosfeld JL, Fonkalsruden, Coran AG, eds. Essentials of Pediatric Surgery. Mosby, St, Lonis, 1995: 555 - 560


Copyright (c) Chulalongkorn University