|
Anorectal malformation ความพิการแต่กำเนิดของทวารหนัก อาจเป็นแบบไม่มีรูเปิดออกภายนอก (imperforate anus) หรือมีรูเปิดผิดไปจากตำแหน่งปกติ เช่น รูเปิดอยู่บริเวณฝีเย็บ รูเปิดต่อกับท่อปัสสาวะ สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทราบ ก่อนจะให้การดูแลรักษา ได้แก่ |
||||||
|
||||||
| Types of anorectal anomaly | ||||||
|
ชนิดของความพิการแบ่งตามระดับของ
rectal pouch โดยเทียบกับระดับของกล้ามเนื้อ levator ani |
||||||
| Diagnosis | ||||||
|
ในอดีต
เด็กส่วนมากมาด้วยปัญหาของลำไส้ใหญ่ส่วนล่างอุดตัน คือไม่ถ่ายอุจจาระ หรือ
meconium ท้องอืด และอาเจียน แต่ในปัจจุบัน ส่วนมากวินิจฉัยได้ตั้งแต่แรกคลอด
โดยการตรวจร่างกาย จะไม่พบรูเปิดของทวารหนัก ในตำแหน่งปกติ หลักในการวินิจฉัยเพื่อการรักษาคือ ให้แยกว่าเป็นความพิการระดับต่ำหรือสูง ซึ่งสามารถแยกได้จากลักษณะทางคลินิก และการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ในบางรายที่จำเป็น ลักษณะทางคลินิกซึ่งเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มาก และแม่นยำ หรือการตรวจหารูเปิดผิดปกติ ดังนั้นควรตรวจให้ละเอียด ว่าลำไส้มีรูเปิด (fistula) เข้าสู่อวัยวะอื่นหรือไม่ โดยสำรวจดูลักษณะภายนอกของก้น อวัยวะเพศ และดูว่ามี meconium ไปจุก หรือเปื้อนเปรอะอยู่ที่ใด ในเด็กผู้หญิง ควรตรวจดูภายในช่องคลอด โดยใช้ nasal speculum บางครั้งจะเห็น meconium จุกอยู่ที่ปลาย fistula นอกจากนั้น
ได้พิจารณาจากลักษณะของ perineum ตรงตำแหน่งที่ควรเป็นทวารหนัก และจากตำแหน่งของรูเปิด
(fistula) ชนิด low อาจมีสันนูนที่ perineum จากกล้ามเนื้อ external sphincter
และอาจมีรูเปิดที่ perineum โคนถุงอัณฑะ การตรวจทางคลินิกนี้สามารถใช้แยกระดับความพิการได้ประมาณ 80% โดยไม่ต้องอาศัยการตรวจพิเศษ รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 1 |
||||||
|
ตารางที่ 1 ลักษณะทางคลินิกที่สามารถใช้แยกระดับความพิการของทารกที่ไม่มีทวารหนักแต่กำเนิด |
||||||
|
การตรวจพิเศษ
ได้แก่ การตรวจดูปัสสาวะว่ามี neconium ปนหรือไม่ นอกจากนั้น ได้แก่ การทำเอ็กซเรย์
invertogram จะช่วยวินิจฉัยชนิดของความผิดปกติได้ โดยเฉพาะในรายที่ไม่มี
fistula ให้เห็น หรือไม่สามารถบ่งบอกชนิดได้จากลักษณะทางคลีนิก ควรรอประมาณ
24 ชั่วโมง หลังคลอด เพื่อให้อากาศผ่านลงไปถึง blind rectal pouch ขณะถ่ายเอ็กซเรย์
ให้จับเด็กห้อยหัว เพื่อให้เงาอากาศลอยขึ้นไปใน rectal pouch และถ่ายภาพจากด้านข้าง
ในภาพเอ็กซเรย์ ให้ลากเส้นขนาน 2 เส้น คือ PC line ระหว่าง pubis กับ coccyx
และ I line ผ่าน ischial tuberosity ขนานกับ PC line เด็กที่มีความพิการแต่กำเนิดของทวารหนักมักจะมีความพิการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะความผิดปกติของไต ซึ่งพบร่วมบ่อยที่สุด ความพิการอื่นๆ ได้แก่ กระดูกสันหลังและไขสันหลัง (โดยเฉพาะส่วน sacrum) esophageal atresia, limb anomalies และ congenital heart disease ดังนั้นอาจต้องการการตรวจเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยความพิการร่วม ดังกล่าวมาแล้ว |
||||||
| Treatment | ||||||
|
Supportive care ได้แก่ การรักษาและป้องกันปัญหาลำไส้อุดตันโดยใส่ท่อ nasogastric ให้น้ำเกลือเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ถ้าเป็นความพิการที่มี fistula ร่วมด้วย อาจพิจารณาขยายรู fistula เพื่อบรรเทาอาการลำไส้อุดตันชั่วคราวไปก่อน ถ้าโรงพยาบาลไม่พร้อมที่จะทำศัลยกรรม ควรส่งเด็กไปโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อรับการรักษาต่อไป Surgery การเลือกวิธีผ่าตัดขึ้นกับระดับของความพิการ และมี fistula หรือไม่ หลังผ่าตัดควรนัดเด็กมาตรวจติดตามผล และอาจต้องทำการขยายรูทวารหนักเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันการตีบหลังผ่าตัด |
||||||
| References | ||||||
|
||||||
|
|
||||||
|
Copyright (c) Chulalongkorn University
|