เป็นการติดเชื้อของผิวหนังในชั้นหนังแท้และส่วนบนของไขมัน พบบ่อยในเด็กทารกเด็กเล็ก และคนแก่ เกิดจากการติดเชื้อ group A streptococcusเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจพบเป็น group C, D หรือ G ได้ ส่วนgroup B มักพบในเด็กแรกเกิด นอกจากนี้ยังพบว่าเกิดจากเชื้อS. aureus และ H. influenzae ได้ ส่วนในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจพบว่าเกิดจากเชื้อ S. pneumoniae และ P. aeruginosa
ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ผิวหนังบวมแดงเข้มขอบของผื่นยกขึ้นชัดเจน ขยายขนาดอย่างรวดเร็วเห็นผิวหนังมีลักษณะคล้ายเปลือกส้ม (peaudorange) ซึ่งต่างจาก cellulitis ที่ขอบของ cellulitisไม่ยกนูนขึ้น ถ้าผื่นบวมมากอาจมีvesicle หรือ bullae บนผื่นได้ ถ้าเป็นไม่มาก เมื่อขอบเขตของผื่นขยายมากขึ้นตรงกลางจะกลายเป็นผิวหนังปกติ เห็นเป็นวงขยายมากขึ้น(annular configuration) มักมีการอักเสบของหลอดน้ำเหลือง(lymphangitis) เห็นเป็นเส้นสีแดงที่ผิวหนัง และต่อมน้ำเหลืองมีการอักเสบบริเวณที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ ขาและหน้านอกจากนั้นยังพบที่ แขน และลำตัวได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีแผลผ่าตัดหรือรอยถลอก ในเด็กทารกอาจพบที่ขั้วสะดือปัจจัยเสริมที่ทำให้เป็น erysipelas ได้แก่ เบาหวานการได้รับยากดภูมิคุ้มกันโรค nephrotic syndromeการอุดตันของหลอดเลือดดำ หรือน้ำเหลือง ดื่มสุราการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1. CBC พบ leukocytosis
2. การย้อมสีกรัมและเพาะเชื้อ โดยดูดจากบริเวณที่เป็นตุ่มน้ำ หรือใช้น้ำเกลือฉีดเข้าไปในบริเวณที่อักเสบแล้วดูดกลับออกมา อาจพบเชื้อ cocci ติดสีกรัมบวกและเพาะเชื้อขึ้น group A Streptococci
3. ตรวจเลือดดูระดับ ASO และ anti DNase Bภาวะแทรกซ้อน
1. เมื่อเกิด erysipelas แล้วถ้าผู้ป่วยมีปัจจัยเสริมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจเกิดโรคซ้ำได้และเมื่อมีการอักเสบของหลอดน้ำเหลืองซ้ำๆทำให้เกิดการบวมของแขน ขา ข้างที่เป็น
2. การติดเชื้อลึกขึ้นจนเป็น abcess
3. Acute poststreptococcal glomerulonephritis
4. ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันอาจมีการติดเชื้อกระจายลึกลงไปจนเป็นgangrenous cellulitis หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิตได้การรักษา
1. การรักษาเฉพาะที่ ประคบด้วยความอุ่น นอนพัก ยกบริเวณที่เป็นให้สูงขึ้น
2. ให้ยาปฏิชีวนะ Penicillin 100,000 หน่วย/กก./วัน นาน 10 วันหรือพิจารณาตามที่เห็นสมควรในกรณีที่คิดว่าเกิดจากเชื้ออื่น