Adenosine
Electrophysiologic and EKG effect
        Adenosine เป็น intermediate cellular metabolism พบที่ cell membrane และ cytosol ของเชลล์ โดย adenosine เกิดจากการ dephosphorylate ของ adenosine monophosphate (AMP) โดย enzyme 5' nucleotidase และเกิดจากการ สลาย S-adenosyl homocystein (SAH) โดย enzyme SAH hydrolase
        Adenosine ออกฤทธิ์โดยการจับที่ adeno-sine receptor (Purinergic A1 receptor) ของเซลล์หัวใจซึ่งมีอยู่ที่ SA node, AV node และกล้ามเนื้อใน atrium มีผลกระตุ้นให้มีการเพิ่ม potassium conductance โดยการเพิ่มการออกนอกเชลล์ของ potassium ion ทําให้เกิดภาวะ hyperpolarization ของเซลล์ ทําให้ action potential duration สั้นลง ลดอัตราการเกิดของ spon-taneous sinus node discharge ลด automaticity ของเซลล์ และลดการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ positive vagal effect และ antiadrenergic effect
        ผลของ adenosin ที่ SA node, atrium และ AV node ทําให้มี sinus rate ช้าลง และ AV conduction ช้าลง ทําให้เกิด AV block

Clinical pharmacology
        การให้ ademosine ต้องให้โดยทางหลอดเลือดดำอย่างรวดเร็ว (rapid intravenous bolus) โดยการในเวลาไม่เกิน 10 วินาที เนื่องจากยานี้มี half life สั้น

Hemodynamic effect
        เนื่องจาก adenosine มีฤทธิ์ antiadrenergic effect โดยการกระตุ้น enzyme adenyl cyclase ทําให้ลด c AMP ในเซลล์ ทําให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด และเกิดภาวะ hypotension ได้ นอกจากนี้ผลของการกด sinus rate ทําให้มีการกระตุ้น autonomic reflex ทำให้เมื่อหมดฤทธิ์ของ adenosine อาจพบว่าเกิด sinus tachycardia ได้ในภายหลัง

Antiarrhythmic efficacy
        Adenosine ใช้ได้ผลดีในการรักษา supraขventricular tachyarrhythmia ชนิดที่เป็น AV node dependent เช่น atrioventricular nodal reentrant tachycardia และ atrioventricular reentrant tachy-cardia โดยการ block AV node conduction สามารถหยุด tachycardia ได้ในเวลา 20-30 วินาทีหลังจากให้ยา ปัจจุบันการให้ adenosine ถือเป็น treatment of choice และใช้แทนการทำ cardioversion ในผู้ป่วยที่มีภาวะนี้ และมีอาการหนัก ในกรณีของผู้ป่วยที่มีภาวะ atrial tachycardia, atrial flutter และ atrial fibrillation ยา adenosine ไม่สามารถหยุดหัวใจเต้นผิดปกติได้ แต่ในระหว่างการให้ยา อาจจะสามารถสังเกตุเห็น atrial activity ได้ชัดเจน จึงมีประโยชน์ในการวินิจฉัยแยกชนิดของ tachycardia
        ในผู้ป่วยที่มี wide QRS complex tachy-cardia สามารถใช้ adenosine ในการวินิจฉัยแยกโรคได้ระหว่าง ventricular tachycardia กับ supraventricular tachycaxdia with bundle branch block หรือมี aberrant conduction ได้ แต่ต้องระวังว่า adenosine อาจกระตุ้นให้เกิด atrial fibrillation ได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่ม pre-excitation syndrome (WPW syndrome) เนื่องจากอาจทําให้เกิด ventricular tachycardia ได้ ภาวะ ventricular tachycardia ที่ตอบสนองต่อ adenosine ได้แก่ ภาวะventricular tachycardia ที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นโดยภาวะ stress หรือจากการทํา exercise และมีจุดกําเนิด มาจาก right ventricular outflow tract

Dosage regimen
        การบริหารยาโดยการให้ยาทางหลอดเลือดดํา ในขนาด 0.1-0.2 mg/kg ในเวลาอันรวดเร็ว และต้องมี normal saline สําหรับฉีดหลังจากให้ยาด้วย ในผู้ป่วยที่ได้รับ theophylline มาก่อน อาจจะไม่ได้ผลจากการให้ยานี้ และในผู้ป่วยที่ได้รับ dipyridamole ซึ่งยามีผลยับยั้งการนำ adenosine เข้าเซลล์ จึงต้องลดขนาดของยานี้ลง

Adverse effect
        Adenosine ทําให้เกิด bronchoconstriction จึงต้องระวังในการใช้ในผู้ป่วย asthma นอกจากนี้ จะพบอาการหน้าแดง เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียร ปวดศีรษะ หรือชักได้ ภาวะแทรกซ้อนของระบบหัวใจ ได้แก่ การมี isolate หรือ repetitive ventricular premature contraction, sinus pause, sinus bradycardia, AV block และ atrial fibrillation ในผู้ป่วย long QT syndrome อาจเกิด Torsade de Pointes ได้