หลักการอ่านและแปลผลความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
        ในการอ่านและแปลผลความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ข้อมูลที่มีความจำเป็นต้องทราบ เบื้องต้น ได้แก่ อายุของผู้ป่วย ประวัติของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โรคหัวใจพื้นฐาน (underlying heart disease) ยาที่ได้รับ และสภาวะเกลือแร่ในร่างกาย ข้อมูลเหล่านี้ นอกจากช่วยในการอ่านและแปลผลความผิดปกติในจังหวะการเต้น ของหัวใจแล้ว ยังสามารถใช้ในการวางแผนการรักษา เลือกวิธีรักษา และชนิดของยาที่ใช้ในการรักษา ให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย อีกด้วย
หลักในการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีดังนี้
1. ลักษณะทั่วไปของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
        ลักษณะของทั่วไปของคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีลักษณะอย่างไร มีความผิดปกติในคลื่นไฟฟ้าหัวใจเกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ มีอัตราการเต้นของหัวใจกี่ครั้งต่อนาที และมีความคงที่ (regularity) ของจังหวะการเต้นของหัวใจหรือไม่

2. ลักษณะของจังหวะการเต้นที่เป็นจังหวะหลัก
        จังหวะการเต้นของหัวใจพื้นฐานที่เป็นจังหวะหลักของการเต้นของหัวใจ มาจากบริเวณใด เช่น มีจุดกําเนิดมาจาก SA node เรียกว่า sinus rhythm หรือมาจากบริเวณอื่น เรียกว่า ectopic rhythym เช่น atrial rhythm, junctional rhythm หรือ ventricular rhythm

3. ลักษณะของ P wave
        การมี P wave ในคลื่นไฟฟ้าหัวใจ บอกถึงการมี atrial contraction ในบางครั้งอาจแยกได้ยากจาก T wave และ U wave ในกรณีที่มี P wave จะต้องแยกว่า P wave นั้นมาจาก SA node หรือเป็น ectopic P wave โดยสังเกตุจากลักษณะรูปร่างของ P wave, P wave axis, PP interval, P wave rate และ P-QRS relationship และในบางครั้งอาจเห็น P wave ได้ในบาง leads ดังนั้นจึงควรดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจทั้ง 12 leads ในกรณีที่ไม่มี P wave ลักษณะของความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่เกิดขึ้น อาจเป็น atrial fibrillation, atrial standstill, หรือ AV junctional escape rhythm

4. จุดกําเนิดของ QRS complex
        QRS complex บอกถึงการมี ventricular depolarization ในกรณีที่ QRS complex มีรูปร่างปกติ โดยมี QRS duration น้อยกว่า 0.10 วินาที แสดงว่าการ depolarization ของ ventricle มีลำดับการกระตุ้นจาก His Purkinje system แต่ถ้า QRS complex กว้างมากกว่า 0.12 วินาทีแสดงว่าการ depolarization ของ ventricle นั้นอาจมาจาก ventricle, มาจาก His Purkinje system แต่มี aberrant conduction, bundle branch block หรือเป็นลักษณะของ Wolff Parkinson White syndrome

5. จุดกําเนิดและลักษณะของจังหวะการเต้นผิดปกติที่มาเร็วหรือช้ากว่าปกติ
        ในการบอกถึงจุดกำเนิดของจังหวะการเต้นของหัวใจที่มาเร็วหรือช้ากว่าปกติได้โดยอาศัยลักษณะของ P wave, QRS complex, PR interval และ P-QRS relationship ซึ่งจะบอกได้ว่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกตินั้น มีจุดกำเนิดมาจากบริเวณใด ของหัวใจ เช่นมาจาก atrium, AV junctional หรือ ventricle