การป้องกันและรักษาการเป็นพิษจากตะกั่ว
          โดยเหตุที่พิษจากตะกั่วส่วนใหญ่เกิดกับผู้ประกอบอาชีพในสถานที่ประกอบการที่มีการใช้ประโยชน์ของสารตะกั่วชนิดต่างๆ การป้องกันของระบบของโรงงานและระบบบริการอาชีวอนามัยที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด ที่จะแก้ปัญหาพิษของตะกั่วให้ลดลง
          ระบบโรงงาน โรงงานหรือสถานที่ประกอบการ มีหลายขนาดมีทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ถ้าทั้ง 3 ประเภท ควรมีระบบป้องกันที่ดี ให้ความรู้และให้คนงานตระหนักถึงพิษของสารตะกั่ว ไม่ให้สัมผัสโดยตรง โดยเฉพาะโรงงานขนาดเล็ก เท่าที่ผู้เขียนเคยออกภาคสนามเพื่อทำวิจัย พบว่าระบบป้องกันไม่ดีเลย คนงานจะหยิบจับผงตะกั่วด้วยมือโดยไม่ป้องกันเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่มีความรู้ว่ามีอันตรายโดยเฉพาะตะกั่วบางชนิดมีสีขาวเหมือนแป้ง ทำให้คนงานคิดว่าเป็นผงแป้งก็ได้
          ระบบอาชีวอนามัย แพทย์ประจำโรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน มีบทบาทสำคัญรวมทั้งมีการตรวจสอบหรือติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง จริงจังและครอบคลุม เช่น การวัดแค่ระดับตะกั่วในอากาศ อย่างเดียว ไม่ใช่เป็นตัวชี้วัดถึงตะกั่ว สิ่งแวดล้อม เหมาะสม เนื่องจากมีการใช้ตะกั่ว ให้น้อยลง หรือ ทำความสะอาดดีโรงงานก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปตรวจ ทำให้วัดได้ต่ำกว่าที่เคยเป็น รวมทั้งควรมีการวัด markers ในเลือด และปัสสาวะของคนงานเพื่อวินิจฉัยตะกั่วเป็นพิษต่อสุขภาพในระยะเริ่มต้น และการเฝ้าระวังโรค ในรูปแบบที่เหมาะสมจึงจะได้ผล
          การรักษา การดูแลผู้ที่ได้รับพิษจากสารตะกั่ว คงจะต้องดูจากระดับ B-Pb เป็นหลัก ปัจจุบัน มียาที่เป็นตัวจับตะกั่ว chelating agents หลายชนิด เพื่อช่วยให้ตะกั่วขับออกทางปัสสาวะ (ศึกษารายละเอียดในเรื่องยาจากเภสัช) นอกจากนี้ที่สำคัญ ต้องศึกษาและตรวจสอบให้ได้ว่าได้รับตะกั่วมาจากทางใด เพื่อเป็นการขจัดต้นเหตุ หรือตรวจกรองเพื่อหาผู้ป่วยที่อาจอยู่ในแหล่งชุมชนเดียวกันหรือใกล้เคียงกับผู้ป่วยที่พบ เพื่อป้องกันและแก้ไขคนที่มีตะกั่วสูงแต่ยังไม่มีอาการ รวมทั้งต้องมีการติดตามการรักษาซึ่งอาจต้องใช้ biochemical markers ดังกล่าวด้วย