ตะกั่วจะไปสะสมที่ไตทำให้เกิดความผิดปกติของ
tubular marker หลายชนิด มากกว่าที่จะเกิดกับ Glomerular marker และแบ่งออกได้ทั้งแบบเฉียบพลัน
ซึ่งเปลี่ยนแปลงกลับสู่ปกติได้ (reversible) และแบบเรื้อรัง ซึ่งถ้ามากอาจเปลี่ยนแปลงกลับสู่ปกติไม่ได้ |
กรณีของ
Acute lead nephropathy เนื่องจากตะกั่วจะไปจับกับส่วนต่างๆ ของเซลล์หลอดฝอยไต
ทำให้มีการทำลายของเซลล์ และการทำงานของเซลล์จะเสียไป กระบวนการสร้างพลังงานที่ใช้ในการขนส่งสารลดลง
ส่งผลให้โปรตีนขนส่งหลายชนิดทำงานไม่เหมือนเดิม การดูดกลับของแร่ธาตุ
กรดอะมิโน กลูโคสและสารที่จำเป็นต่างๆ เสียไป เรียกว่าเกิด Fanconi syndrome
เกิดภาวะ Aminoaciduria, glycosuria และ hyperphosphaturia เป็นต้น รวมทั้งสามารถตรวจพบโปรตีนที่มี
origin จาก tubular cell ออกมาในปัสสาวะ (tubular-proteinuria) รวมทั้งเอนไซม์จากไลโซโซมของเซลล์หลอดฝอยไต
ตัวที่ยอมรับและมีรายงานวิจัยจากหลายประเทศว่าเป็น biomarker ของ lead
nephrotoxicity คือ N-acetyl glucosaminidase (NAG) ขับออกมาในปัสสาวะสูงกว่าปกติ
เมื่อมีระดับ B-Pb ในช่วง 400-700 mg/L และยังพบว่าเป็น
enzymes markerที่มีความสัมพันธ์กับระดับของ B Pb ของคนงานโรงงานผลิตแบตเตอรี
(ในประเทศเบลเยียม เยอรมัน) ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่า
urinary marker ที่สูงกว่าปกติเป็นสารประเภท eicosanoids โดยเฉพาะ thromboxane
(TXB2) , tubular antigen และ beta2 microglobulin และ sialic acid (NANA)
พบทั้งในผู้ใหญ่ และในเด็ก ดัง ตารางที่2 |
ตารางที่ 2 แสดงการเปลี่ยนแปลงของ Urinary Markers ในผู้ใหญ่ที่สัมผัสตะกั่วและกลุ่มควบคุม
|
กรณีที่เกิดพิษตะกั่วเรื้อรัง
เนื่องจากตะกั่วไปสะสมที่เนื้อไต ทำให้เกิดการอักเสบในบริเวณ tubulointerstitium
ของเนื้อไต ผู้ป่วยจะมีการทำงานของไตลดลง เพิ่มการดูดกลับของกรดยูริก
ทำให้เกิดภาวะ hyperuricemia ก่อให้เกิด โรคเก๊าท์ได้ |