ค่า plasma osmolarity ขึ้นกับความเข้มข้นของโซเดียมในพลาสม่าเป็นสำคัญ
เนื่องจากโซเดียมและประจุบวกอื่นๆ จะมีผลต่อ osmotic activity ในพลาสม่าถึง
90% แต่กลไกในการรักษาระดับ plasma osmolarity สัมพันธ์กับการควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย
(water balance) อาศัยกลไกดังต่อไปนี้
1. Osmotic stimuli มีบทบาทสำคัญ ในภาวะปกติ โดยอาศัย plasma osmolarity เป็นตัวกระตุ้น 2. Non-osmotic stimuli : ปริมาณเลือดและความดันที่ลดต่ำลง พบว่า plasma ลดลง 10% จะกระตุ้นการหลั่ง ADH : อาเจียน : ความเครียด : ยา จะเห็นได้ว่าการควบคุม osmolarity อาศัยการควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของโซเดียมในพลาสม่า กล่าวคือ เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของ plasma osmolarity จะมีการกระตุ้นให้มีการดื่มน้ำมากขึ้น ผ่านทางการกระหายน้ำ และมีการหลั่ง ADH เพิ่มขึ้น ทำให้ลดการขับน้ำทางปัสสาวะ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ไตต้องดูดน้ำกลับเพิ่มขึ้น เพื่อจะลดระดับ plasma osmolarity ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีการลดลงของ plasma osmolarity การกระหายน้ำจะไม่ถูกกระตุ้น และไตจะขับน้ำออกทางปัสสาวะมากขึ้น เพื่อเพิ่ม plasma osmolarity ให้กลับมาเป็นปกติ การขับน้ำออกโดยไต จะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมกรณีที่น้ำเกิน ในขณะที่การกระหายน้ำ จะมีความสำคัญในการป้องกันและแก้ไข เมื่อเกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) โดยทั่วไปแล้ว การมีน้ำคั่งอยู่ในร่างกาย จนเกิดภาวะ hypoosmolarity และ hyponatremia จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อไตมีความผิดปกติในการขับน้ำ |