แนวคิดในการบริบาลสุขภาพทางเพศ(Sexual health care)
           การบริบาลสุขภาพ (health care) โดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ
การส่งเสริมสุขภาพ (promotive care)  การป้องกันโรค (preventive care) การรักษาโรค
(curative care) การฟื้นฟูสมรรถภาพ (rehabilitative care)
          1.   การส่งเสริมสุขภาพ  คือ  กิจกรรมที่เป็นไปเพื่อความสุขสมบูรณ์ทางเพศ
(sexual well-being)  ทั้งทางด้านร่างกาย  จิตใจ  และสังคมให้มนุษย์สามารถมีความสุข
ได้เต็มที่จากพฤติกรรมทางเพศ (enjoy sex)  โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นและ
ให้สอดคล้องเหมาะสมกับจรรยาและศีลธรรมอันดีงามของสังคม  นั่นคือ สามารถจะ
ควบคุมพฤติกรรมทางเพศของตนเองได้ด้วย  (control sex) กิจกรรมที่สำคัญก็คือ
เพศศึกษา (sexuality education)  ที่จะให้ความรู้  ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติทางเพศ
ของมนุษย์ในสังคม  เพื่อให้เกิดเจตคติที่ดีต่อธรรมชาติทางเพศและสถาบันครอบครัว
และสามารถปฏิบัติตนให้เป็นสุขและควบคุมพฤติกรรมทางเพศให้เหมาะสมกับสังคมได้
เพศศึกษานี้ ควรจะจัดให้เป็นระบบให้สอดคล้องกันทั้งสังคม ควรเริ่มต้นก่อนที่เด็กผู้ชาย
จะมีการหลั่งน้ำอสุจิ และเด็กผู้หญิงจะมีระดู  คือตั้งแต่เริ่มพูดได้และอยากรู้อยากเห็น
ควรเป็นการศึกษาต่อเนื่องไปตลอด โดยองค์กรหลักคือ ผู้รับผิดชอบทางการศึกษา
ทางสังคม ได้แก่ ครอบครัว สถาบันการศึกษา  และมีการจัดเสริมโดยองค์กรอื่น เช่น
การแพทย์และสาธารณสุข  สื่อสารมวลชน ฯลฯ  นอกจากนี้การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ก็เป็นวิธีส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศด้วย
          2.  การป้องกัน  คือ  กิจกรรมที่จัดการกับปัจจัยเสี่ยงต่อความผิดปกติหรือโรค
ปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพอนามัยทางเพศ  เช่น ครอบครัว
ที่บิดามารดามีบุคลิกภาพที่ไม่สมดุลกัน  โดยฝ่ายหนึ่งก้าวร้าวมาก  อีกฝ่ายอ่อนมาก
บุตรธิดามีโอกาสจะเกิดความเบี่ยงเบนทางเพศได้มาก เป็นต้น หรือการที่สตรีเดินทาง
คนเดียวในที่เปลี่ยว  ที่ปลอดคนยามวิกาล การพลอดรักของหนุ่มสาวในยามวิกาล
ลับตาคนล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการถูกผู้อื่นข่มขืนกระทำชำเรา หรือการเปิดโอกาสให้วัยรุ่น
หญิงชายมั่วสุมกันตามลำพังก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการร่วมเพศ  อันนำมาซึ่ง  การตั้งครรภ์
ไม่วางแผนและไม่ปรารถนา หรือการเปิดโอกาสให้มีสถานบริการทางเพศ  โดยปราศจาก
การควบคุมที่ถูกต้อง  ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการล่อลวงและทารุณกรรมต่อผู้ค้าประเวณี
การแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการสำส่อนของคนในสังคม เป็นต้น
ดังนั้น ถ้ากำจัดปัจจัยเสี่ยงนี้ก็อาจจะลดปัญหาได้บ้าง
          3. การรักษา  เมื่อเป็นความผิดปกติทางกายหรือเกิดโรคทางกาย  การรักษา
ก็เป็นไป เพื่อแก้ไขให้หายขาดหรือให้ทุพพลภาพน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  ส่วน
ความผิดปกติทางจิต  อันส่งผลให้พฤติกรรมทางเพศผิดไปนั้น  การรักษามักไม่ประสบ
ผลสำเร็จเท่าที่ควร  ส่วนใหญ่มักจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และถ้าเป็น
พฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิผู้อื่น  ก็ต้องอาศัยมาตรการทางกฎหมายมาควบคุม
          4.  การฟื้นฟูสมรรถภาพ คือ การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ  หรือความสัมพันธ์
ฉันสามีภรรยาในผู้ป่วยที่ต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกาย  หรือป่วยเรื้อรัง
หรือโรคมะเร็ง  เมื่อผ่านระยะวิกฤตไปแล้ว  ความต้องการทางเพศจะกลับคืนมา
แต่อาจเกิดปัญหาในการตอบสนองทางเพศ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ต้องให้ความรู้  และ
คำแนะนำในการประกอบกิจกรรมทางเพศเท่าที่จะเหมาะสมและไม่เป็นอันตราย