|
ภาวะโลหิตจางกลุ่มที่เซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาดและติดสีปกติอื่นๆ
ที่สำคัญมีดังนี้
ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือด (Blood loss anemia) ที่สำคัญมี 2 ชนิด คือ 1. ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือดเฉียบพลัน (Acute posthemorrhagic anemia) เกิดจากการเสียเลือดจำนวนมากอย่างฉับพลัน อาจเป็นการเสียเลือดออกนอกร่างกาย เช่น จากบาดแผล หรือเป็นการเสียเลือดสู่ body cavity, tissue space หรือในทางเดินอาหาร ซึ่งอาจมีปัญหาในการวินิจฉัย อาการและการแสดงขึ้นอยู่กับ อัตราและปริมาณของการเสียเลือด บริเวณ ที่เลือดออก โรคต้นต่อที่เป็นสาเหตุ (underlying disease)สภาพหัวใจและหลอดเลือด ของผู้ป่วย นอกจากนี้อายุ ภาวะทางอารมณ์และจิตใจ ตลอดจนสถานภาพ ความสมบูรณ์ของร่างกายด้านอื่นๆ ก็มีผลต่อการเสียเลือดของผู้ป่วย เช่น การไม่ขาดสารอาหาร อาการที่พบมีตั้งแต่เวียนศีรษะ หน้ามืด เหงื่อออก ชีพจรเร็ว หอบ ถ้าเสียเลือดมากไม่หยุด อาการจะดำเนินต่อไปจนถึงขั้นความดันตกช็อก (shock) และเสียชีวิตได้ ภายหลังการเสียเลือดอย่างเฉียบพลัน ในระยะแรกจะมีอาการของปริมาตรเลือดน้อย เกินปกติ (hypovolemia) หลังจากนั้น 2-3 วัน ร่างกายจะปรับตัวเพื่อให้ปริมาตรเลือด (blood volume) อยู่ในระดับปกติหรือใกล้เคียง โดยการดึงสารน้ำเข้าสู่หลอดเลือด จะทำให้เห็นอาการของภาวะโลหิตจางเด่นชัดขึ้น เนื่องจากการสูญเสียเลือดในระยะแรกเกิดขึ้นทั้งจำนวนเม็ดเลือดแดงและน้ำเลือด อย่างได้สัดส่วนกัน จึงอาจไม่พบการเปลี่ยนแปลงของฮีมาโตคริต แต่อาจจะพบว่า มีจำนวนเกล็ดเลือดลดลง เนื่องจากถูกนำไปใช้ในการอุดหลอดเลือดและบาดแผล การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะพบเพียงระยะสั้น หลังจากนั้นเกล็ดเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น สู่ระดับปกติหรือสูงกว่าปกติภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากนี้มักจะพบจำนวนเม็ดเลือดขาว นิวโตรฟิวสูงกว่าปกติ (neutrophilic leukocytosis) โดยมีจำนวนนับเม็ดเลือดขาว ประมาณ 10-20x103/mL เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายของ granulocyte จาก marginal pool และจากแหล่งสะสมในไขกระดูก ต่อมาในระยะภายหลัง 24 ชม. จะมีเคลื่อนของสารน้ำเข้าสู่หลอดเลือด เพื่อรักษาปริมาตรเลือดไว้ จึงเริ่มพบการลดลง ของฮีมาโตคริต อย่างไรก็ตามฮีมาโตคริต ที่ลดลงอาจยังไม่ชัดเจนหรือได้สัดส่วน กับเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เสียไป จนกว่าเวลาจะผ่านไป 3 วัน หรือมากกว่าหลังการ เสียเลือด ลักษณะของภาวะโลหิตจางที่พบในระยะแรกจะเป็นภาวะโลหิตจางที่เม็ดเลือดแดง มีขนาดและการติดสีปกติ (normochromic normocytic anemia) หลังจากนั้น เมื่อมีการหลั่ง erythropoietin ซึ่งจะกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น และทำให้พบ reticulocyte ในการตรวจเสมียร์เลือดภายหลังจากที่มีเลือดออก 3-5 วัน ปริมาณ reticulocyte ที่พบจะขึ้นกับปริมาตรของเลือดที่เสีย ซึ่งจะพบจำนวนมากที่สุด ประมาณวันที่ 10 หลังการเสียเลือด ในระยะนี้จึงอาจพบว่ามี MCV เพิ่มขึ้น มี polychromasia สูงขึ้นกว่าปกติ (polychromatoplilia) และพบเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่มีขนาดโตกว่าปกติเพิ่มขึ้น (macrocytosis) 2. ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือดเรื้อรัง (Chronic posthemorrhagic anemia) เป็นภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือดปริมาณน้อยติดต่อกันเป็นเวลานาน มักไม่พบลักษณะของภาวะโลหิตจางอย่างเด่นชัดจนกว่าเหล็กที่สะสมในร่างกาย จะหมดไป ภาวะโลหิตจางที่พบเป็นลักษณะของภาวะโลหิตจางจากการขาดเหล็ก ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากโรคเรื้อรัง
(Anemia of chronic disorder)
ภาวะโลหิตจางที่พบในโรคต่อมไร้ท่อ
(Anemia in endocrine disease)
ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากไตวายเรื้อรัง
(Anemia of chronic renal insufficiency)
ภาวะโลหิตจางที่เกิดในโรคตับ
(Anemia in liver disease)
ลักษณะของเม็ดเลือดแดงจะเป็นเซลล์เม็ดเลือดที่มีขนาดปกติ
(normocytic
|