|
จัดท่าผู้ป่วย ให้ผู้ช่วย
ช่วยจัดท่าผู้ป่วย และตรึงศีรษะผู้ป่วยให้อยู่กับที่
- อายุน้อยกว่า 2 ปี ให้นอนราบ หนุนผ้าใต้ไหล่ ให้ไหล่สูงจากพื้นเตียง ประมาณ 1-2 นิ้ว - อายุมากกว่า 2 ปี ให้แหงนคอขึ้น โดยวางศีรษะบนหมอน ให้ปาก, pharynx และ trachea อยู่ในแนวเดียวกัน จะทําให้มองเห็น glottis ได้ชัดขึ้น (ต้องแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณกระดูกสันหลัง ระดับคอ ถ้าได้รับบาดเจ็บที่บริเวณดังกล่าว ให้ทํา cervical spine stabilization และเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี jaw thrust ขณะใส่ endotracheal tube ดังรูป) (รูปที่ 27) ใช้มือซ้ายจับด้าม laryngoscope และใส่ blade เข้าไปในปาก ในแนวกึ่งกลาง ตามรูปร่างของ pharynx ไปที่โคนลิ้น ถ้าใช้ blade โค้งให้ใส่ปลายของ blade ลงไปใน vallecula และยกขึ้น ในแนวด้ามถือของ laryngoscope (ห้ามใช้ฟัน หรือเหงือกบนของผู้ป่วย เป็นจุดหมุน) จะทําให้ epiglottis เปิด (ดูแผนภูมิประกอบ) (รูปที่ 28) ถ้า blade ตรง ให้สอดปลาย blade เข้าไปใต้ epiglottis และยกขึ้น ในแนวด้ามถือของ laryngoscope (ห้ามใช้ฟัน หรือเหงือกบนของผู้ป่วย เป็นจุดหมุน) จะทําให้เห็น glottic opening ได้ (ดูแผนภูมิประกอบ) (รูปที่ 29) ขณะใส่ blade ควรใช้โคน blade ดันลิ้นไปทางด้านซ้ายของปาก เพื่อให้มีช่องว่างสําหรับใส่ endotracheal tube ได้ หรือใส่ blade เข้าทางมุมขวาของปากผู้ป่วย เมื่อปลาย blade ถึงโคนลิ้น และเห็น epiglottis แล้ว ใช้โคน blade ดันลิ้นไปตรงกลาง จะทําให้มีช่องว่างในปาก สําหรับใส่ endotracheal tube ได้ ขณะใส่ endotracheal tube ควรเห็น glottic opening ชัดเจน ถ้ามีเสมหะมาก ให้ดูดออกก่อน ถ้าเห็นไม่ชัด อาจให้ผู้ช่วยกดบริเวณ cricoid ให้ผู้ช่วย ช่วยส่ง tube ให้ทางด้านขวาของผู้ใส่ ใส่ tube ให้ลึกถึงตําแหน่งที่กะไว้ คือปลาย tube อยู่บริเวณกึ่งกลางของ trachea หรือตําแหน่งขีดดําตรงปลาย tube อยู่ตรงระดับ vocal cord พอดี (ดูแผนภูมิประกอบ) (รูปที่ 30) ในรายที่ใช้ stylet ต้องเอา stylet ออกด้วยความระมัดระวัง หลังจากใส่ endotracheal tube เข้าไปอยู่ในตําแหน่งที่ต้องการแล้ว ตรวดวัดอัตราการเต้นของหัวใจและ oxygen saturation ด้วย pulse oximeter (ถ้ามี) ตลอดการใส่ tube ถ้าเกิด bradycardia หรือ arrhythmia หรือเกิด hypoxia ต้องหยุดการใส่ tube ชั่วคราว และให้อ็อกซิเจน 100% ทาง bag-valve-mask จนแก้ไขภาวะดังกล่าวได้แล้ว จึงใส่ใหม่ |