EXOCRINE GLAND
    เนื้อต่อมมีท่อโดยทั่วๆ ไป ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
    1. Secretory units (หน่วยการสร้างสารคัดหลั่ง) ประกอบด้วย acinus (secretory) cells รวมกันเป็นกลุ่ม อาจมีรูปร่างหลายแบบ เช่น ท่อ (tubules) กระเปาะ (acinus) (ภาพที่ 17) หรือปนกันทั้งท่อ และกระเปาะ (tubulo-alveolar shape) พวกเซลล์เหล่านี้สร้างน้ำคัดหลั่งออก ซึ่งมีลักษณะและ ชนิดต่างกัน เรียก secretory products หรือ granules
ภาพที่ 17
    2. Excretory units (หน่วยท่อนำสารคัดหลั่งผ่านออก) ประกอบด้วยท่อที่แตกแขนงเป็น ระดับขั้น ออกจาก secretory units แบ่งชนิดท่อออกเป็น 4 ระดับขั้น ซึ่งแต่ละส่วนจะมีความยาว ความกว้าง และปริมาณการแตกแขนง ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของต่อม เริ่มจาก
        2.1 Intercalary (intercalated) duct เป็นท่อขนาดเล็กสุด และเป็นท่อส่วนต้น ออกตรง มาจาก secretory unit (ภาพที่ 17) เนื้อผิวที่ดาดเป็นชนิด simple low cuboidal epithelium และมีใย reticular ที่ละเอียดรองรับ
        2.2 Intralobular duct (striated duct) ท่อที่ต่อเนื่องมาจาก intercalary duct มีขนาดใหญ่ขึ้น พบอยู่ภายในกลีบเล็กของเนื้อต่อม เนื้อผิวที่ดาดท่อเป็นชนิด simple cuboidal or low columnar epithelium
        2.3 Interlobar duct มีขนาดใหญ่ขึ้น พบระหว่างกลีบเล็กของเนื้อต่อม เนื้อผิวของท่อ ดาดด้วย simple columnar cells
       2.4 Main (excretory) duct ท่อขนาดใหญ่ เพราะเกิดมาจาก interlobular ducts มารวมกัน และผ่านออกมาจากยอดของกลีบใหญ่ของเนื้อต่อม ท่อชนิดนี้ดาดด้วย stratified columnar or squamous epithelium (ภาพที่ 11)
ภาพที่ 11
การแบ่งชนิดของ exocrine glands มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับวิธีการแบ่ง
    I. แบ่งตามจำนวนเซลล์ของเนื้อต่อม  ได้แก่
        1. Unicellular glands ประกอบด้วยเซลล์ชนิดเดียว เช่น พวก goblet cells (ภาพที่ 19)
        2. Multicellular glands เป็นชนิดของต่อมที่พบมากที่สุด เพราะเนื้อต่อมประกอบด้วยเซลล์ มากกว่าหนึ่งชนิด เช่น ต่อมน้ำลายขนาดใหญ่ทั้ง 3 ชนิด (ภาพที่ 18)
ภาพที่ 18
ภาพที่ 19
    II. แบ่งตามวิธีการคัดหลั่งสารออกมา  ได้แก่
        1. Cytogenic gland (ภาพที่ 20) ต่อมชนิดนี้สร้างและหลั่งพวก sex cells หรือ spermatozoa เช่น seminiferous tubules ในลูกอัณฑะ
ภาพที่ 20
        2. Holocrine gland (ภาพที่ 21) สิ่งที่เซลล์ต่อมสร้างและคัดหลั่งออกมา  มีตัวเซลล์ร่วม ออกมาด้วย เช่น ต่อมไขมัน (sebaceous glands) ต่อมเปลือกตา (Tarsal gland) เป็นต้น
ภาพที่ 21
        3. Apocrine gland (ภาพที่ 22) ในอดีตเชื่อว่าสิ่งที่พวกเซลล์สร้าง และคัดหลั่งออกมา มีส่วนของ cytoplasm ปะปนด้วย แต่ในปัจจุบัน ได้มีการศึกษาจาก กล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอน และไม่พบส่วนของ cytoplasm แต่ยังคงเรียกเหมือนเดิม เช่น ต่อมเหงื่อชนิด apocrine พบบริเวณรักแร้
ภาพที่ 22
        4. Merocrine gland (ภาพที่ 18) เซลล์ต่อมสร้างและคัดหลั่งสิ่งที่คัดหลั่งเท่านั้น ที่ส่งผ่านออกมาทางท่อ ได้แก่ ต่อมน้ำลายขนาดใหญ่ทั้ง 3 ชนิด และตับอ่อน ส่วนที่มีท่อ (exocrine pancreas)
ภาพที่ 18
    III. แบ่งตามจำนวนการแตกแขนงของท่อคัดหลั่ง ได้แก่
        1. Simple glands ต่อมชนิดนี้มีท่อตรง หรือขมวดม้วน (coiled) แต่ไม่มีการแตกแขนง เช่น intestinal gland (ภาพที่ 23)
ภาพที่ 23
        2. Compound glands ท่อของต่อม แตกแขนงหลายลำดับขั้น ได้แก่ ต่อมน้ำลาย (ภาพที่ 18) secretory units ของต่อมเหล่านี้ อาจมีลักษณะเป็น tube หรือ flask นั่นคือรูป flask เรียก alveolar or acinar secretory unit แต่ถ้าพบลักษณะ tube ปน เรียกรวมว่า tubulo-alveolar secretory unit
ภาพที่ 18
    IV. แบ่งต่อมตามลักษณะและคุณสมบัติของสิ่งคัดหลั่ง  ได้แก่
        1. mucous gland สิ่งที่เซลล์สร้าง มีลักษณะข้นเหนียวเป็นเมือก (mucous) เช่น sublingual salivary gland (ภาพที่ 25)
ภาพที่ 25
        2. serous gland สิ่งที่เซลล์สร้าง มีลักษณะใส (serous) เช่น parotid salivary gland (ภาพที่ 24)
ภาพที่ 24
        3. mixed sero-mucous gland สิ่งที่สร้างและคัดหลั่งออก มีทั้งใสและเมือกปนกัน เช่น ต่อมน้ำลายชนิด submandibular gland (ภาพที่ 26)
ภาพที่ 26